เมื่อประมาณ 100 ปีก่อน ป่าบ้านวังธารเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มีแมกไม้หนาแน่นและมีสายน้ำที่ไหลเป็นธารที่กว้างใหญ่ไหลตลอดฤดูกาล มีวังน้ำที่ลึกและกว้าง เต็มไปด้วยสัตว์มากมายหลายชนิด ปัจจุบันสภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้ถูกทำลายไปบางส่วน
พ.ศ.2518 ทางรัฐบาล ได้สำรวจพื้นที่และมีมติให้สร้างเขื่อนแม่กวงอุดมธารา โดยมีสันเขื่อนอยู่บริเวณป่าเหนือหมู่บ้านวังธารทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศในป่า เป็นไปอย่างรวดเร็ว สัตว์ป่าและป่าไม้ได้ถูกทำลาย ทำให้ลำธารที่เคยลึกและกว้างถูกทับถมจนตื้นเขิน สัตว์น้ำก็ลดน้อยลง สำหรับคำว่า “วังธาร” คำว่า “วัง” หมายถึง “วังวนของน้ำ” ลักษณะลึกและกว้างที่เวียนวนอยู่ตลอด คำว่า “ธาร” หมายถึง “โขดหิน” ลักษณะเหมือน “ศิลาแลง” คำว่า “ธาร” หมายถึง สายน้ำ ทั้ง “วัง” และ “ธาร” รวมกันเป็น “วังธาร” หมายถึง สายน้ำที่เป็นวังวนของน้ำที่ลึกและกว้างขวาง อันอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำนานาพันธุ์ ลำธารหรือวังธารนี้ ถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับคนในท้องถิ่นและเหมาะสมกับภูมิศาสตร์ด้านการเกษตรด้วย จึงมีผู้คนทยอยอพยพมาอยู่ เริ่มก่อร่างสร้างเรือนกัน โดยมีผู้นำชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจและตัดสินความในเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคนในท้องถิ่น ตลอดถึงประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อต่างๆ ด้วย หลังจากนั้นท้องถิ่นนี้ ถูกเรียกว่า “วังธาร”
(http://www.monkdoisaket.com/templedetails.php?id_show=10, 7 กพ. 58 : 5.37 น.)
ต่อมาเริ่มมีการชักชวนกันเข้ามาอยู่ ทำให้ที่ทำกินลดลง จากที่เคยเลี้ยงวัว ควาย ปล่อยกินหญ้ากลางทุ่ง พอราคาวัว ควายสูงขึ้นชาวบ้านก็เริ่มขายวัว ขายความเริ่มมีควายเหล็ก (รถไถ)เข้ามา ประกอบกับมีการประกาศการสัมปทานไม้ทำให้เกิดการบุกรุกทำลายป่า จากป่าเปลี่ยนเป็นนาไร่ ชาวบ้านหันมาทำไร่ข้าวโพด ทำไร่เลื่อนลอยกันหมดป่าหมดสภาพ ไม้สักไม้แดง ไม้เต็งรัง ไม้เนื้อแข็งถูกตัดทำลาย บริษัทสัมปทานเอารถมาลากไม้ออกไปทำให้ต้นไม้ใหญ่เริ่มหมด นอกจากไม้จะหมด บริเวณต้นน้ำที่เคยชุ่มชื้นก็แห้งผากเมื่อต้นน้ำแห้งผาก ก็ส่งผลทำให้บริเวณปลายน้ำแย่ไปด้วย เมื่อไม่มีน้ำในการทำการเกษตรก็ย่ำแย่ตามไปด้วยชาวบ้านจึงได้บุกรุกป่าต้นน้ำผนวกกับการสร้างเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ก็เริ่มเห็นน้ำแห้งน้ำที่นำมาทำไร่ทำสวนตามฤดูกาลก็เริ่มแห้งหาย หมดสภาพ ซึ่งต้นไม้ส่วนใหญ่ที่ป่าห้วยตองสาดเป็นไม้ยืนต้นและในแต่ละฤดูก็จะมีผักต่างๆ เห็ดต่างๆ และผลผลิตที่ได้จากป่าหลายอย่างที่เกิดขึ้นในแต่ละฤดู สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่กระตุ้นความต้องการบริโภคที่มากขึ้น จึงทำให้ป่าไม้เสื่อมโทรม น้ำในลำห้วยจึงแห้งไม่ไหล ต้นไม้ก็ลดลง รวมถึงความสมดุลในระบบนิเวศน์ภายในป่าห้วยตองสาดก็ลดลงไม่เหมือนดังเช่นในอดีต ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการประกาศแนวเขตป่าประกอบกับชุมชนได้มีการขยายเข้าไปในเขตพื้นที่ป่าจึงมีการบุกรุกถางป่าเพิ่มขึ้น เพื่อการจับจองเป็นที่อยู่อาศัยและทำสวน และมีการเผาป่าเพื่อต้องการให้มีเห็ดเผาะในปัจจุบันเนื้อที่ของป่าห้วยตองสาดที่ดูแลโดยชุมชนมีประมาณ 2,000 กว่าไร่ มีแนวเขตติดต่อกับเขตอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ และพื้นที่ป่าบางส่วนได้รับการดูแลจากฝ่ายศึกษาและพัฒนาป่าไม้ขุนน้ำแม่กวง ในการอนุรักษ์และดูรักษา การใช้ประโยชน์จากป่าห้วยตองสาดในอดีตส่วนใหญ่จะเน้นการหาของป่า และการใช้ประโยชน์จากน้ำห้วยตองสาด ในการทำเกษตรเช่นทำนา และอาชีพเกษตรอื่นๆในชุมชน ปัจจุบันสภาพป่าถูกบุกรุกหนัก น้ำในห้วยตองสาดมีปริมาณน้ำน้อยไม่เพียงพอต่อการทำเกษตร ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้บริโภคในปัจจุบันเป็นบางกลุ่มบ้าน ที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ป่าจากสภาพความเสื่อมโทรมของป่าห้วยตองสาดทำให้เกิดความขัดแย้งของชาวบ้านภายในชุมชน โดยเฉพาะปัญหาการบุกรุกที่ดินทำกิน ที่นับวันเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้นการบุกรุกที่ดินเพิ่มเป็นผลสืบเนื่องให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า โดยเฉพาะไม้สัก รวมไปถึงบางครอบครัวมีที่ดินที่บุกรุกเพิ่มอยู่เหนือบริเวณป่าต้นน้ำของห้วยตองสาด เป็นผลให้เกิดความไม่เข้าใจระหว่างชาวบ้านด้วยกันเอง ก็ยังผลให้การมีส่วนร่วมในการพัฒนาของชุมชนลดน้อยลงขณะเดียวกันผลกระทบต่อสภาพป่า ที่มีจำนวนไม้ยืนต้นลดลงก็เป็นผลให้น้ำในห้วยตองสาดลดน้อยลงในช่วงปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลกระทบให้กับการทำเกษตรของชาวบ้านจำนวน 81ครอบครัวต้องเพิ่มรายจ่ายในการทำเกษตรมากขึ้นเช่นการเจาะบ่อบาดาล การสูบน้ำจากคลอง61ชลประทานมาใช้ในการทำเกษตรซึ่งส่วนใหญ่เป็นการทำนา ทั้งที่ในอดีตได้อาศัยน้ำจากห้วยตองสาดเป็นน้ำสายหลักในการทำนา ต่อมาในช่วงปี 2550 หลังจากมีผลกระทบดังกล่าวทางชุมชนได้เริ่มแก้ปัญหาโดยการเริ่มเข้าไปวางแผนอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าโดยการจัดทำฝายชะลอน้ำและกำหนดแนวทางการอนุรักษ์ป่าห้วยตองสาดโดยการใช้ประเพณีดั้งเดิมเช่นการบวชป่า การทำแนวกันไฟ ทำให้สภาพป่าฟื้นขึ้น
|